โบลโซนาโร : ผู้ร้ายชาวโลกต้นเหตุเผาป่าฝนแอมะซอน ที่แข้งดังบราซิลหลายคนเคยหนุนหลัง

bclub99.com : “ผมขอให้คุณเข้าใจไว้เรื่องหนึ่ง คุณจะโหวตเพื่อเลือกประธานาธิบดี ไม่ใช่พ่อของคุณ” นี่คือคำกล่าวของ ริวัลโด้ อดีตนักเตะบราซิลชุดแชมป์โลกปี 2002 ฝากถึงชาวบราซิลทุกคนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศเมื่อปี 2018 … และคนที่เขาพูดถึงคือ ชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำที่โดนพูดถึงมากที่สุดในโลก ณ เวลานี้ จากความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับปอดของโลกอย่าง ป่าฝนแอมะซอนป่าฝนแอมะซอนเป็นที่อยู่อาศัยของกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตบนโลก และถูกเรียกว่าเป็นปอดของโลก เพราะผลิตก๊าซออกซิเจนให้โลกถึง 20 เปอร์เซนต์ ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จากการโดนไฟไหม้ลุกลามครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยคาดว่าขณะนี้มีพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ไปแล้วกว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร ทุกสายตาจากทั่วโลกจับจ้องมายังรัฐบาลบราซิลว่าเป็น “ต้นเหตุ” ของการเกิดไฟไหม้ใหญ่ครั้งนี้ … เขาทำอะไรทำไมไฟจึงไหม้ป่า? และเขาเอาชนะการเลือกตั้ง พร้อมเอาชนะใจนักฟุตบอลชื่อดังของประเทศ จนกลายเป็นหัวคะแนนของเขาได้อย่างไร?  ปกติแล้ว ไฟป่าถือเป็นเรื่องปกติของป่าแอมะซอนในช่วงหลังจากเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป นี่คือช่วงฤดูแล้งและมันจะดำเนินไปจนถึงเดือนตุลาคม ปีก่อนก็ไม่ต่างกันมีเหตุเพลิ่งไหม้ในป่าแอมะซอนให้เห็นเสมอ… ทว่าในปี 2019 มันมีความไม่ปกติเกิดขึ้น

สิ่งที่ผิดปกติอย่างแรกเลยคือตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล พบว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในป่าแอมะซอนมากถึง 74,155 ครั้งในปีนี้ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และเพิ่มจากปี 2018 ถึง 84% และนี่คือจำนวนครั้งที่มากที่สุดในรอบ 30 ปีอีกด้วย USA Today สื่อจากอเมริกาแจกแจงว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการที่มี “กลุ่มคน” กลุ่มหนึ่งพยายามเคลียร์พื้นที่ป่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ในการทำธุรกิจใดๆ ก็ตาม พวกเขาเริ่มโค่นต้นไม้มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด และจากนั้นการทำผิดพลาดประการที่สองก็ตามมา เมื่อมีการโค่นต้นไม้แล้วไม่มีการเก็บกวาดออกจากพื้นที่ จนท้ายที่สุดต้นไม้เหล่านั้นก็แห้งและกลายเป็นเชื้อไฟชั้นดี … และพวกเขาชี้ว่าเหตุที่มันเป็นก็เช่นนั้นเพราะนโยบายของรัฐบาลบราซิล ที่นำโดยประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนาโร  เรื่องดังกล่าวทำให้ โบลโซนาโร ออกงิ้วเต้นโผงผางทันที เขาห้ามคนในรัฐบาลให้สัมภาษณ์และแสดงความเห็นกับสื่อเด็ดขาด มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะเป็นคนชี้แจงข้อเท็จจริง และสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของรัฐบาล จะเพื่อป้องกันการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน หรือจะเพราะความละเอียดอ่อนและผลกระทบจากการให้สัมภาษณ์ก็ตาม แต่เมื่อประธานาธิบดีคนเดียวที่มีสิทธิ์พูดแบบนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลบราซิลจะต้องวางแผนเป็นอย่างดีในแต่ละการให้สัมภาษณ์ของโบล

อ่านเพิ่มเติม

“ป่าแอมะซอนเปลี่ยนไปเลย ระบบนิเวศจากเดิมนั้นเคยเป็นระบบที่ทนไฟ แต่ทุกวันนี้กลายเป็นระบบนิเวศที่เสี่ยงต่อการติดไฟแทน” ไนเจล ไซเซอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่โครงการ Rainforest Alliance บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงจากปี 2018 กับปี 2019 ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่พอดีกันเป๊ะกับที่รัฐบาลของ โบลโซนาโร่ ชนะเลือกตั้งในช่วงเดือนตุลาคมปี 2018 และเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเขาเต็มๆชาอีร์ โบลโซนาโร นักการเมืองขวาจัดฉายา “โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งบราซิล” เขาเป็นอดีตร้อยเอกแห่งกองทัพบกบราซิล ตัวของ โบลโซนาโร นั้นยกย่องระบอบเผด็จการและเชิดชูกองทัพตั้งแต่วันแรกที่เล่นการเมืองและลงพื้นที่หาเสียง สิ่งที่คนบราซิลหลายคนรับไม่ได้ในตัวของ โบลโซนาโร คือการเป็นคนปากจัดขวานผ่าซาก และมักให้สัมภาษณ์ที่ฟังแล้วต้องหยุดคิดให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวดูถูกเพศหญิง ด้วยการพูดถึงนักการเมืองหญิงผู้หนึ่งว่า “ไม่คุ้มค่าที่จะข่มขืน” ในช่วงปี 2003, กลุ่ม LGBT หรือผู้มีความหลากหลายทางเพศก็โดนด้วย หลังจากเขาให้สัมภาษณ์ว่าเขายอมให้ลูกชายเสียชีวิตในอุบัติเหตุเสียดีกว่าที่ลูกจะเป็นเกย์ ส่วนอีกหนึ่งในกลุ่มคนที่โดนเหยียดคือชนเผ่าท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าแอมะซอนกว่า 1 ล้านคน ซึ่ง โบลโซนาโร บอกว่าหากเขาได้เป็นประธานาธิบดี เขาจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมด้วยการเลี้ยงวัวและทำเหมืองแร่ … ส่วนกลุ่มชนเผ่ามีให้เลือก 2 ทางคือ ปรับตัว หรือไม่ก็ตายไปเสียแค่นั้นเอง ซึ่งคำกล่าวนี้เองที่ทำให้มันชัดเจนว่าเขาแทบไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริงก็ไม่ต่างจากในหนังมากนัก เพราะบราซิล เป็นหนึ่งใน 20 ประเทศของโลกที่มีอัตราการฆาตกรรมและอาชญากรรมสูงที่สุด และในปี 2018 มีการจัดอันดับเมืองที่อันตรายที่สุดในโลกก็พบว่ามีเมืองจากประเทศบราซิลถึง 7 เมืองที่พาเหรดเข้ามาติดอันดับทั้ง นาตาล, ฟอร์ตาเลซา, เบเลม, วิกตอเรีย ดา กอนกีสต้า, มาเชโย, อาราคาจู และ เฟย์รา เด ซานตาน่า และสิ่งเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้เหล่าชนชั้นกลางขึ้นไป ซึ่งรวมถึงนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย ต่างเลือกเทใจให้กับฝั่งรัฐบาลขวาจัดของ โบลโซนาโร แม้จะขวานผ่าซาก แต่พวกเขาเหล่านั้นต่างคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเล่นไม้หนัก ปราบปรามมาเฟีย, ทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์, คืนความยุติธรรมและความปลอดภัยกลับสู่ประเทศของพวกเขา“เพื่อบราซิลที่ดีกว่า ผมต้องการความสงบสุข ความปลอดภัย และคนที่สามารถให้ความสุขกับเราได้ ผมเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบราซิล และผมต้องการบราซิลที่ดีกว่าสำหรับประชาชนทุกคน” โรนัลดินโญ่ อดีตนักฟุตบอลอันดับ 1 ของโลกที่กลับมาใช้ชีวิตในบ้านเกิดหลังจากเล่นในยุโรปมาอย่างยาวนาน โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์พร้อมภาพที่เขาสวมเสื้อหมายเลข 17 ซึ่งเป็นหมายเลขผู้สมัครเลือกตั้งของ โบลโซนาโร นั่นเอง 

อ่านเพิ่มเติม

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *