bclub99.com : ฟุตบอลคือกีฬายอดนิยม อันดับหนึ่งของคอกีฬา แน่นอนว่ามีศัพท์เฉพาะต่างๆมากมาย ที่ถูกใช้ในการบรรยายเกมการแข่งขัน ซึ่งบางคำเป็นคำที่คุ้นหูของแฟนบอล และได้ยินกันบ่อยครั้งในปัจจุบัน แต่ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนาน มากกว่า 100 ปี ของฟุตบอลสมัยใหม่ ทำให้มีคำศัพท์เกิดขึ้นมากมาย ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา บางคำตกยุคไปตามกาลเวลา บางคำถูกเปลี่ยนแปลงความหมาย บางคำถูกคำอื่นนำมาใช้แทนที่ Main Stand จะพาไปพบกับคำศัพท์ทางลูกหนัง ที่เคยนิยมใช้ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ด้วยวันเวลาที่ผันผ่านไป แฟนบอลรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก หรือบางคนอาจจะลืมไปแล้วก็เป็นได้ “แคสชวล” หลายคนอาจรู้จักคำนี้ ในชื่อของการแต่งตัวรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นความเรียบง่ายของเสื้อผ้า ด้วยสีสันไม่ฉูดฉาด แต่ดูดีมีระดับ ซึ่งเป็นสไตล์การแต่งตัวที่ได้รับความนิยม ของผู้คนในเขตเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งคำว่าแคสชวล เคยถูกใช้นิยามถึงวัฒนธรรมการแต่งตัวของ “ฮูลิแกน” กลุ่มอันธพาลลูกหนัง ที่แพร่หลายอย่างมาก ในประเทศอังกฤษ ช่วงยุค 70’s-80’s จุดเริ่มต้นนั้นเกิดขึ้นโดยฮูลิแกนชนชั้นแรงงาน จากเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งหันมาแต่งตัวด้วยแบรนด์แฟชั่นชั้นสูงเข้าสนามบอล แทนที่การใส่เสื้อบอล และผ้าพันคอเข้าสนามฟุตบอล แบบดั้งเดิม แม้เป้าประสงค์ของการแต่งตัวด้วยแบรนด์ราคาแพง จะเกิดขึ้นเพื่อหลบหลีก การเป็นเป้าหมายการถูกทำร้ายจากฮูลิแกนทีมคู่แข่ง แต่ครั้งหนึ่งสไตล์การแต่งตัวแบบแคสชวล ได้กระจายไปทั่วแดนผู้ดี ในภายหลังการปราบปรามฮูลิแกน อาจทำให้คำว่าแคสชวลห่างหายไปบ้าง จากโลกลูกหนัง แต่การแต่งตัวในรูปแบบนี้ ยังคงมีให้เห็นอยู่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ จนถึงปัจจุบัน
เหมือนกับคำว่า “แคสชวล” คำว่า “เฟิร์ม” ถูกลดบทบาทไปจากกีฬาลูกหนัง หลังการล่มสลายของวัฒนธรรมฮูลิแกน เหลือไว้เพียงคำว่า “Old Firm” ซึ่งหมายถึงดาร์บี้แมทช์เมืองกลาสโกว์ ระหว่าง เซลติก กับ เรนเจอร์ส สองทีมยักษ์ใหญ่จากสกอตแลนด์เท่านั้น “ลิเบอโร” มาจากคำว่า “อิสระ” ในภาษาอิตาลี ซึ่งถูกใช้ในการอธิบาย ผู้เล่นกองหลังตัวสุดท้าย ที่จะยืนอยู่ด้านหลังแผงหลังในแนวรับอีกที โดยหน้าที่ของลิเบอโร คือเป็นกองหลังที่คอยปัดกวาดเกมรุกฝ่ายตรงข้าม หลังจากผ่านแผงแบ็คโฟร์มา นอกจากหน้าที่ในเกมรับ ลิเบอโรยังมีหน้าที่ พาบอลขึ้นไปสร้างสรรค์เกมรุกจากแผงหลัง ทำให้ผู้เล่นตำแหน่
งนี้ต้องมีทักษะการครอบครองบอลที่ยอดเยี่ยม รวมถึงทีเด็ดจากการจ่ายบอล และลูกยิงไกล ซึ่งด้วยการเคลื่อนไหวที่เป็นอิสระนี้เอง ทำให้ตำแหน่งนี้ถูกเรียกว่า ลิเบอโร คำว่าเฟิร์ม แทบจะขึ้นพาดหัวของหนังสือพิมพ์กีฬาที่อังกฤษแทบทุกสัปดาห์ ตามการอาละวาดของฮูลิแกนที่ก่อเหตุอื้อฉาวไปทั่วประเทศ แม้ชื่อจะมาจากอิตาลี แต่เยอรมันคือชาติที่นำตำแหน่งลิเบอโร มาใช้จนสร้างชื่อในวงการ ทั้ง ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์, โลธาร์ มัทเธอุส หรือ มัทธีอัส ซามเมอร์ “สวีปเปอร์” คือตำแหน่งการเล่นที่ใกล้เคียงกับลิเบอโร กับตำแหน่งการยืน หลังแผงกองหลัง เพื่อคอยปัดกวาดเกมรุกฝ่ายตรงข้าม แต่แตกต่างกันตรงที่ สวีปเปอร์จะไม่ขึ้นไปเติมเกมรุกแบบ ลิเบอโร โดยจะปักหลักยืนคุมพื้นที่อยู่ในแผงหลัง เหมือนกับตำแหน่งลิเบอโร เมื่อกฎล้ำหน้ามีบทบาทในโลกลูกหนัง รวมถึงแทคติคที่เปลี่ยนแปลง ตำแหน่งนี้ก็ค่อยๆ ตายไป
ตามการเปลี่ยนแปลงของแทคติคฟุตบอล ตำแหน่งวิงฮาล์ฟ จึงหายไป…อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งวิงแบ็คในปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลหลายอย่าง มาจากตำแหน่งวิงฮาล์ฟในอดีต มาเกเลเล ปฏิวัติสไตล์การเล่นของกองกลางตัวรับ แทนที่จะใช้สไตล์การเล่นที่หนักหน่วง การเข้าปะทะที่รุนแรง มาเกเลเลเลือกใช้การอ่านเกมที่ชาญฉลาด ยืนอยู่ในจังหวะที่ถูกต้อง และตัดบอลอย่างเรียบง่าย ก่อนจะจ่ายบอลให้คนอื่นต่อไป วิงฮาล์ฟ ถูกใช้อธิบายกองกลาง ที่ยืนอยู่บริเวณริมเส้นของสนาม (บางครั้งก็รวมถึงกองกลางตัวกลางเช่นกัน) ซึ่งมีหน้าที่ในการรับผิดชอบเกมรับ คอยตัดเกม หรือหยุดเกมบุกของ แผนกองหน้า 5 ตัว ก่อนที่จะไปถึงแผงหลังสุดท้าย นักเตะแบบมาเกเลเล ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในเกมรุก เขาแค่แย่งบอลและจ่ายบอลคืนให้ผู้เล่นเกมรุก เพื่อนำไปครองบอลต่อเท่านั้น นักเตะแบบมาเกเลเล โรล คนหนึ่งคือ เซร์คิโอ บุสเกตส์ ที่ต่อยอดสไตล์การเล่นแบบมาเกเลเล ได้อย่างยอดเยี่ยม ปัจจุบันตำแหน่งแบบ มาเกเลเล โรล ถูกกำหนด ด้วยภาษาทางเทคนิคว่า The Anchor Man (ดิ แอนเชอร์ แมน) ขณะที่สไตล์การเล่นกองกลางตัวรับมาเกเลเล ถูกปรับให้เพิ่มมิติ สามารถจ่ายบอลยาวได้มากขึ้น เพิ่มมิติในเกมรุก ทำให้นักเตะสไตล์แบบมาเกเลเล ค่อยๆ น้อยลงไป แต่ในปัจจุบัน คำว่า สเน็ค ในวงการฟุตบอลที่ยุโรป ถูกเปลี่ยนความหมาย ใช้เป็นคำโจมตี นักฟุตบอลที่ย้ายทีม ไปอยู่กับทีมอริหรือทีมขั้วตรงข้ามร่วมลีก เช่นในกรณีของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่ย้ายจาก อาร์เซนอล ไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหตุผลที่ลักษณะการทำประตูแบบนี้ ถูกเรียกว่า ยิว โกล มาจากความเชื่อที่ฝังรากลึกของคนในยุโรป ที่มองว่าชาวยิวเป็นพวกขี้โกง ซึ่งประตูในลักษณะนี้ แฟนบอลบางคนมองว่าไม่สมศักดิ์ศรี เพราะเป็นการยิงประตูด้วยสถานการณ์ 2 รุม 1 ทำให้แฟนบอลเรียกว่า เป็นการทำประตูแบบพวกยิว