ดราม่าแดงเดือด

Bclub99.com : จำได้ไหมครับว่าศึกแดงเดือดครั้งสุดท้ายที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมลูกทีมห้ำหั่นกับคู่แค้นตลอดชาติอย่าง ลิเวอร์พูล ผลออกมาเป็นอย่างไรอืมมมมม…เชื่อว่าหลายคนคงจำไม่ได้แล้วล่ะ แถมความจริงมันก็เป็นเพียงแค่เกมๆ หนึ่งที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำสักเท่าไหร่บันทึกว่าศึกแดงเดือดนัดสุดท้ายของคุณป๋า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเป็นแดงเดือดธรรมดาๆ นัดหนึ่งที่ไม่มีดราม่าใดๆ ผิดกับฤดูกาลก่อนหน้านั้นที่ หลุยส์ ซัวเรซ กับ ปาทริซ เอวร่า ก่อดราม่าจับมือบรรลือโลก นับตั้งแต่ท่านพระยาหมื่นลูกหนังอำลาตำแหน่งพ่อใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ 2013 แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ห้ำหั่นกันศึกแดงเดือดไปแล้ว 15 นัด แบ่งเป็นพรีเมียร์ลีก 12 นัด, ยูโรปา ลีก 2 นัด และลีก คัพ 1 นัดผลงานโดยรวมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่าดีกว่า ลิเวอร์พูล เล็กน้อย คือชนะ 6 เสมอ 5 และแพ้ 4พูดกันหลายปากว่าบัดเดี๋ยวนี้ศึกแดงเดือดไม่ค่อยมีความเข้มข้นและเดือดดาลระดับ 80,000 ตีนถีบเหมือนก่อน อัตราความเมามันของการเซิ้งแข้งกันบนลานจอดหญ้าลดลงอย่างน่าใจหายขอบอกว่าเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น เพราะการเข้ามาเป็นกุนซือปีศาจแดงของ โชเซ่ มูรินโญ่ นี่แหละ เจ้าของสมญา “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” มีความหลังกับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ตอนคุม เชลซี แล้วนะครับ เมื่อเจอกันในศึกแดงเดือดจึงนิยมใช้เหลี่ยมเล่ห์และกลยุทธ์ เพื่อเน้นผลการแข่งขัน ผิดกับในอดีตที่คู่นี้ใส่กันเต็มดอกให้ตายหงส์ตายห่านกันไปข้าง ด้วยเป็นการศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้

ยุคที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นกุนซือปีศาจแดง การศึกระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล จึงจบลงด้วยการเสมอกันแบบจืดชืดถึง 3 นัด แม้อัตราความเมามันจะลดน้อยลงไปในช่วงหลัง กระนั้นยังเกิดดราม่าน่าจดจำมากมาย พลพรรคหงส์แดงเคยบุกถล่ม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตอนที่ เดวิด มอยส์ คุมทีม โดยที่ผู้ตัดสิน มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก มอบจุดโทษ ลิเวอร์พูล ถึง 3 ครั้งในเกมนั้น แหม่…นี่ถ้าทะลึ่งให้จุดโทษทีมเยือน 3 ครั้งในเกมเดียวที่ แอนฟิลด์ เข้าใจว่า “พี่มาร์ค” คงถูกแฟนบอลเจ้าถิ่นจับโก้งโค้งแล้วเอานกหวีดยัดเข้าไปในรูตูดแล้วล่ะ อิอิอิ ตอน หลุยส์ ฟาน กัล เป็นผู้จัดการทีมปีศาจแดงก็เกิดดราม่าที่น่าจดจำมากมายตัวอย่างเช่นการลากเลื้อยเข้าไปสังหารหงส์แดงของ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ลงเล่นเป็นนัดแรกในฐานะตัวสำรอง หรือใบแดง 38 วินาทีของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เขาเหมือนถูกเจ้านายตัวเองอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ส่งลงไปตายแท้ๆ เหตุเพราะพี่แกหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมสำคัญแบบนี้ แพสชั่นจึงอัดอั้นจนบวมเป่งเต็มที่ ก่อนระเบิดออกด้วยการพุ่งเข้าเสียบ อันเดร์ เอร์เรร่า อย่างอำมหิตยิ่งนัก แมนฯ ยูไนเต็ด อาศัยยุทธ์วิธีการเล่นแบบ “พาร์ค เดอะ บัส” พลางหาจังหวะสวนกลับด้วยลูกยาว ก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด จะสถาปนาตัวเองเข้าไปอยู่ในทำเนียบ “สเก๊าซ์ เดสทรอยเยอร์ส” ด้วยกดคนเดียว 2 ดอก แต่ธันวาคมปีที่แล้ว โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ถูกพวกหงส์สังหารพลางล้างแค้นอย่างสาสมที่ แอนฟิลด์ ถึงขนาดกระเด็นออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมปีศาจแดงเลยทีเดียว !!! แล้วศึกแดงเดือดที่กำลังจะเดินทางมาถึงเมืองมนุษย์อีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ล่ะ ???

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ศึกแดงเดือดจัดเป็นเกมฟาดแข้งอยู่นอกเหนือจากเหตุผลทางด้านฟุตบอลนะครับ สิ่งที่ไม่คาดฝัน หรือเรื่องบ้าๆ บอๆ สามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น แม้ผลงานและฟอร์มการเล่นของทั้ง 2 ทีมในตอนนี้จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมดาดๆ ระดับกลางตารางอย่างสมบูรณ์แบบด้วยรูปแบบการเล่นที่สะเปะสะปะสิ้นดี เกมรุกก็ห่วยแตก และประสิทธิภาพต่ำอย่างจงหนัก 8 นัดที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก พวกเขายิงได้แค่ 9 ประตูเท่านั้นเอง ผ่านไป 21 นาที อันเดร์ เอร์เรร่า ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวจนต้องให้ เจสซี่ ลินการ์ด ลงมาแทน ถัดมา 4 นาที ฆวน มาต้า ถูกอาการบาดเจ็บกระชากออกจากสนามอีกคน เท่านั้นไม่พอตัวสำรองอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด ก็ดันมาบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่นาทีแทนที่จะสวมวิญญาณฆาตกรโรคจิตสั่งลูกทีมเดินหน้าฆ่ามัน เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับเลือกที่จะเล่นแบบเพลย์เซฟ หวังควักแค่คะแนนเดียวจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อน 2 แต้มที่หายไปจะส่งผลเสียหายต่อตัวเองในบั้นปลาย นั่นคือหนึ่งในความภาคภูมิใจอันน้อยนิดของบรรดาเด็กผีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สำหรับการศึกครั้งนี้ ว่ากันว่ามันอาจเป็นเกมชี้ชะตาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เลยทีเดียวเฉพาะอย่างยิ่งหากถูกคู่แค้นตลอดชาติอย่าง ลิเวอร์พูล บุกมาเหยียบจมูกถึงถิ่น เขามีสิทธิ์ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับ โชเซ่ มูรินโญ่ดังนั้นคุณน้าลูกอมจึงจำเป็นต้องวางแผนการเล่นอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด เพื่อหยุดยั้งเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการให้จงได้ 1. แมนฯ ยูไนเต็ด เอาตัวรอดจากความพ่ายแพ้แบบหวุดหวิดพลางหยุดสถิติชนะรวดของ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ 2. แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมแรกในฤดูกาลนี้ที่ยัดเยียดความปราชัยให้ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ 3. ลิเวอร์พูล บุกถล่มโรงละครแห่งความฝันจนราบเป็นหน้ากลอง ทำสถิติชนะ 9 นัดติดต่อกันตั้งแต่เปิดฤดูกาล และทำสถิติชนะ 18 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกเทียบเท่า แมนฯ ซิตี้ สถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกต่ำดำดิ่งยิ่งกว่าตกลงไปในเหวนรก แถมส่งวิญญาณของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไปสู่สุคติ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *