จริงไหม !? 11 การเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดของแมนยู หลังยุค “ป๋า”

Bclub99.com : ทุ่มเงินแบบสูญเปล่าคืออะไร ?? เอาแบบง่ายๆ ไม่ต้องคิดเยอะก็คือการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้านักเตะมาร่วมทีมด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลแต่พวกเขาได้นักเตะที่เรียกได้ว่า “โอเวอร์เรท” มาเสริมทัพ ซึ่งบางคนค่าตัวไม่สมกับฝีเท้าในยามที่สวมเสื้อตราสัญลักษณ์ “ปีศาจแดงถือสามง่าม”คิดดูก็แล้วกันว่าจำนวนเงินที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มลงไปหลังยุค “เซอร์เฟอร์กี้” มากมหาศาลถึง 323.7 ล้านปอนด์ (ราว 12,300 ล้านบาท) จากการคว้าผู้เล่น 11 คน และทั้งหมดต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ไร้ประสิทธิภาพจนสาวก “เร้ด อาร์มี่” แทบไม่อยากเชื่อว่านักเตะเหล่านี้ทำไมถึงเล่นดีกับทีมอื่น แต่พอมาอยู่กับ “ผีแดง” ถึงเล่นไม่เหมือนเดิม ลองคิดดูก็แล้วกันว่าในตำแหน่งกองหน้านับตั้งแต่ที่ เวย์น รูนี่ย์ กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อำลา “เธียเตอร์ ออฟ ดรีม” พวกเขาไม่สามารถหาหัวหอกชั้นดีมาไล่ล่าประตูได้เลย โดยเฉพาะตอนที่ทุ่มเงินถึง 75 ล้านปอนด์ (ราว 2,850 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัว โรเมลู ลูกากู แฟน “ผีแดง” ต่างเนื้อเต้นเพราะเชื่อว่านักเตะรายนี้จะช่วยผลิตประตูให้ทีมเหมือนที่ทำได้ตอนอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน ซีซั่นแรกดูเหมือน ลูกากู อาจจะมาดีเมื่อตะบันไป 27 ประตูจากการเล่นทุกรายการให้แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ในซีซั่นที่สอง ผลงานกลับถอยหลังเข้าคลองซัดไปแค่ 15 ประตูจากทุกรายการโดยเฉลี่ยแล้วเขายิงได้ 1 ประตูจากการเล่นทุกๆ 3 เกมในฤดูกาล 2018/19 ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน

ส่วนในรายที่ค่อนข้างทำให้สาวก “เร้ด อาร์มี่” ผิดหวังที่สุดก็คงหนีไม่พ้น อังเคล ดิ มาเรีย ปีกร่างผอมชาวอาร์เจนไตน์ ที่ย้ายมาพร้อมกับดีกรีระดับแชมป์มากมายตอนเล่นให้ เรอัล มาดริด โดยในปี 2014 เมื่อเจ้าตัวมาถึงสโมสรแฟนบอลต่างตื่นเต้น แต่ไม่นานนักธาตุแท้ก็ออก เพราะนักเตะไม่มีใจอยากค้าแข้งกับสโมสร และภายในระยะเวลาแค่ซีซั่นเดียว เขาก็เก็บข้าวของย้ายไปเป็นสตาร์ดังกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ขณะที่นักเตะอีกคนซึ่งผิดหวังทำให้แฟนบอลผิดหวังแพ้ ดิ มาเรีย ก็คือ เฟร็ด กองกลางชาวบราซิเลียน เมื่อบอร์ดบริหารทำเรื่องสุดช็อกด้วยการทุ่มเงินสูงถึง 52 ล้านปอนด์ (ราว 1,976 ล้านบาท) ดึงตัวมาจาก ชัคตาร์ โดเน็ทส์ค แต่แล้วเป็นไงนักเตะกลายเป็นแข้งแซมบ้าเซินเจิ้น ไม่ได้โชว์ฟอร์มสมกับค่าตัวมหาศาล และตอนนี้ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับแมนฯ ยูฯเช่นเดียวกับในกรณีที่สโมสรกระชากตัว เฮนริค มคิทาร์ยาน มาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน จาก เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,140 ล้านบาท) และ 27 ล้านปอนด์ (ราว 1,026 ล้านบาท) ตามลำดับ แต่ผลงานสวนทางกับตอนที่เล่นให้ต้นสังกัดเดิมก่อนย้ายมาสวมยูนิฟอร์ม “เร้ด เดวิลส์” กระนั้นยังดีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พอจะได้เม็ดเงินคืนมาบ้างเมื่อขาย ชไนเดอร์ลิน ให้กับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน แต่ในรายของ มคิทาร์ยาน ดูเหมือนจะไม่คุ้มค่าเพราะการส่งเขาไปให้กับ อาร์เซน่อล เพื่อแลกตัวกับ อเล็กซิส ซานเชซ เหมือน “หนีเสือปะจระเข้” เพราะ สตาร์ชาวชิลี ผลงานห่วยแตกไม่ต่างกับ ดาวเตะอาร์เมเนีย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังต้องพบกับความผิดหวังในการคว้าตัว เมมฟิส เดปาย ที่ได้รับการเชิดชูว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของ ฮอลแลนด์ แต่ดับแดดิ้นไม่เหลือซากกับ “ผีแดง” แต่เขากลับชาติมาเกิดอีกครั้งเมื่อไปเล่นให้ “โอแอล” โอลิมปิก ลียง ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ แมนฯ ยูฯ คว้าตัว มาร์กอส โรโฮ กับ ดาเล่ย์ บลินด์ สองนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในศึกฟุตบอลโลก 2014 โดยสโมสรจ่ายค่าตัวสองคนรวมแล้วประมาณ 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,140 ล้านบาท) แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่ ในส่วนของ มัตเตโอ ดาร์เมียน ฟูลแบ็กดีกรีทีมชาติอิตาลี ที่ทำผลงานสุดยอดกับ โตริโน่ แต่ต้องโดน หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือชาวดัตช์ จับดองเค็มจนไม่ได้ผุดได้เกิดกับแมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายไปหาโอกาสลงสนามในลีกบ้านเกิดกับ ปาร์ม่า เมื่อซัมเมอร์นี้นอกจากนี้สโมสรยังเคยเสียเม็ดเงินให้กับ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ประมาณ 6.5 ล้านปอนด์ (ราว 247 ล้านบาท) แต่นักเตะดูเหมือนจะเลยจุดสุดยอดไปแล้วเพราะตลอดระยะเวลาที่เล่นกับสโมสรช่วง 18 เดือน นักเตะไม่เคยงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย เช่นเดียวกัน ราดาเมล ฟัลเกา ที่ยืมตัวมาในปี 2014 พร้อมค่าตัว 6 ล้านปอนด์ (ราว 228 ล้านบาท) แต่ยิงได้แค่ 4 ประตูจากการเล่น 29 เกม อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเก่งฉกาจสมบูรณ์แบบในการซื้อนักเตะมาร่วมทีม เพราะหากไม่เชื่อก็ลองไปถาม คเลแบร์สัน, เอริค เฌมบ้า-เฌมบ้า หรือ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ก็ได้ !!??

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *