Bclub99.com : เวลานี้ โปเช็ตติโน่ กำลังเจอกับความกดดันอย่างหนัก หลังจากพาทีมทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล 2019-20 โดยทีมของเขาเพิ่งเก็บได้เพียง 11 คะแนน จากการลงเล่นในลีก 8 นัด แถมใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ก็เคยแพ้ บาเยิร์น มิวนิค แบบขาดลอย 2-7 คารัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม มาแล้วด้วย เรื่องดังกล่าวส่งผลให้บ่อนพนันเปิดราคาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุกีสที่กำลังว่างงาน กลายเป็นตัวเต็งอันดับ 1 ที่จะมารับเผือกร้อนต่อจากอดีตกุนซือเซาธ์แฮมป์ตัน และก็มีรายงานด้วยว่า “เดอะ สเปเชียล วัน” สนใจที่จะไปเป็นกุนซือของที่นั่นเหมือนกัน นี่คือ 4 เหตุผลว่าทำไม มูรินโญ่ จึงเหมาะสมมาสานงานต่อจาก โปเช็ตติโน่ 11 จาก 25 ถ้วยรางวัลที่ มูรินโญ่ ทำได้ในฐานะกุนซือนั้นเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก มันแสดงให้เห็นว่าเขามีประสบการณ์ในการคว้าแชมป์มากขนาดไหนบนเกาะอังกฤษ ตลอดอาชีพในฐานะผู้จัดการทีมจ่ามูแทบจะมีแชมป์ติดไม้ติดไม้ออกมาเสมอในทุกสโมสรที่ไปกุมบังเหียนนับตั้งแต่ เอฟซี ปอร์โต้ ไล่มาจนถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมล่าสุด แม้สไตล์การเล่นภายใต้การคุมทีมของเขาจะไม่ได้สวยงามถูกใจแฟนบอลสักเท่าไหร่ แต่ประวัติศาสตร์ไม่ได้จารึกผู้ที่เล่นฟุตบอลสวยงามที่ไม่ได้แชมป์อะไรเลย ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 โช่เซ่ มูรินโญ่ กลายเป็นผู้จัดการคนแรกที่ใช้เงินช็อปนักเตะมากกว่า 1 พันล้านปอนด์ดึงเหล่าแข้งซูเปอร์สตาร์มาสู่โรงละครแห่งความฝันนำมาโดย โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิชซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด เพราะหากไม่ใช่กุนซือชาวโปรตุกีสแล้ว “ปีศาจแดง” จะได้แข้งระดับนี้มาหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน แม้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งสามคนจะย้ายมาโชว์ผลงานได้ต่ำกว่าที่แฟนๆคาดหวังเอาไว้ก็ตาม
อย่างไรก็ตามมันแสดงให้เห็นว่าชื่อของของ มูรินโญ่ นั้นดึงดูดผู้เล่นดาวดังได้เป็นอย่างดี จริงอยู่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแปลกในการดึงดูดนักเตะเหล่านี้ แต่หากย้อนไปในยุคของกุนซือ เดวิด มอยส์ และหลุยส์ ฟานกัล พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นการส่งผลดีต่อ สเปอร์ส ที่แทบจะไม่มีแข้งระดับท็อปของโลกย้ายมาร่วมทีมเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้ แต่ถึงกระนั้นสุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่ว่าจะได้การสนับสนุนจาก แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ขี้เหนียวสุดๆมากขนาดไหนด้วย โปเช็ตติโน่ ยึดระบบ 4-2-3-1 ในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับ มูรินโญ่ เองก็ชื่นชอบในการใช้ระบบ 4-2-3-1 สมัยที่อยู่กับ เชลซี โดยมี ดิดิเยร์ ดร็อกบา กับ แฟร้ง แลมพาร์ด อย่างไรก็ตามแผนจะเปลี่ยนเป็น 4-3-3 เมื่อพวกเขาครอบครองบอล และจะเปลี่ยนเป็น 4-5-1 เมื่อตั้งรับ ในทำนองเดียวกันในฐานะกุนซือ เรอัล มาดริด เขาก็มักจะสลับกันระหว่างระบบ 4-3-3 และ 4-2-3-1 ซึ่งสายตาที่เฉียบคมของเขาในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในการยืดหยุ่นแผนการเล่นอาจเป็นสิ่ง สเปอร์ส กำลังต้องการเพื่อประสบความสำเร็จในรายการใหญ่ๆเสียที อีกหนึ่งจุดเด่นของ มูรินโญ่ ที่เคยทำให้เห็นมาแล้วนักต่อนักคือการไม่สนว่านักเตะคนนั้นจะเป็นใครมาจากไหนหากไม่เป็นที่ชื่นชอบเขาก็กล้าที่จะตัดขาดแบบไร้เยื่อใย ทั้งในรายของ อีเกร์ กาซียาส อดีตนายทวาร เรอัล มาดริดหรือแม้กระทั่ง ปอล ป็อกบา สตาร์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ยังมีวิธีการเค้นศักยภาพผู้เล่นออกมาจนทีมได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากผู้เล่นเหล่านี้ เฉกเช่นในกรณีของ ซามูเอล เอโต้ เมื่อครั้นสมัยเป็นนายใหญ่ อินเตอร์ มิผลาน
มูรินโญ่ เคยจับอดีตดาวยิงทีมชาติแคเมอรูนไปยืนริมเส้นฝั่งซ้ายในฤดูกาล 2009/10 ทั้งที่ตำแหน่งธรรมชาติของเขาคือกองหน้าตัวเป้าแล้วให้ ดิเอโก้ มิลิโต้ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ซึ่งสุดท้ายแล้วนักเตะก็กลับโชว์ฟอร์มได้ดีเกินคาดจนเป็นส่วนสำคัญให้ทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ ในเกมนี้ มีโอกาสที่ เซาธ์เกต จะส่ง เมสัน เมาท์ กองกลางดาวรุ่ง เชลซี ลงเป็นตัวจริง หลังนักเตะกำลังทำผลงานเยี่ยมให้ต้นสังกัด ขณะที่แดนหน้าจะมี แฮร์รี่ เคน หัวหอก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ลงล่าตาข่ายในเวลานี้ อังกฤษ นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอ หลังชนะ 4 นัดรวด มี 12 คะแนนเต็ม ขณะที่สาธารณรัฐเช็ก รั้งอันดับ 2 มี 9 คะแนนจาก 5 นัด ทำให้หากนัดนี้บุกไปคว้าชัยได้อีกก็มีโอกาสสูงที่ขุนพล “ทรี ไลออนส์” จะคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้าย ตามหน้าเสื่อแล้ว อังกฤษ ได้รับการคาดหมายว่า น่าจะบุกไปชนะ สาธารณรัฐเช็ก ได้ไม่ยาก และมี 3 ประเด็นต้องจับตามองดังนี้1. แนวรับจะโดนเจาะตาข่ายอีกหรือเปล่า
อังกฤษ เล่นไป 4 นัด ยิงได้ 19 และเสีย 4 ประตู โดยเก็บคลีนชีตได้ 2 นัดในเกมที่เปิดบ้านถล่ม สาธารณรัฐเช็ก 5-0 และชนะ บัลแกเรีย 4-0 อย่างไรก็ตาม ในเกมล่าสุด “สิงโตคำราม” โดนเจาะตาข่ายไปถึง 3 ลูก ก่อนชนะ โคโซโว 5-3 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทีมยังมีรอยรั่วในแนวรับ