bclub99.com : ทีมชาติไทยชุดยู 23 ปี ประกาศรายชื่อ 28 นักเตะที่จะเข้าฝึกซ้อมเพื่อคัดตัวสำหรับศึก ซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และกลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อปรากฎชื่อของ “เบนจามิน เจมส์ เดวิส” นักเตะที่เพิ่งได้ลงเล่นทีมชุดใหญ่ของ ฟูแล่ม ทีมดังจากอังกฤษไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เดวิส เป็นความหวังสูงสุดของวงการฟุตบอลสิงคโปร์มาโดยตลอด สื่อสิงคโปร์ตามทำข่าวและสัมภาษณ์เขาตั้งแต่ยังอายุแค่ 15 ปี และตัวเขาเองก็บอกเสมอว่าอยากจะเป็นนักเตะทีมชาติสิงคโปร์ในอนาคต และจะทำให้ทัพเมอร์ไลอ้อนส์เป็นเจ้าอาเซียน.. เบนจามิน หรือ เบน เดวิส เป็นความหวังของวงการฟุตบอลสิงคโปร์มาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 15 ปีแล้ว ย้อนกลับไปสัก 2-3 ปีก่อน สื่อฟุตบอลเจ้าใหญ่อย่าง โกล, ฟ็อกซ์ สปอร์ตส์ หรือ โฟร์โฟร์ทู เวอร์ชั่นสิงคโปร์ มักจะมีคอลัมน์ถึงเจ้าหนูเป็นประจำ พวกเขามักจะใช้คำว่า “เบน เดวิส อนาคตของทีมชาติสิงคโปร์” อะไรแบบนั้นเสมอ และมันก็เกือบจะเป็นอย่างพวกเขาว่าเพราะ เดวิส พัฒนาฝีเท้าจนไต่เต้ามาถึงทีมชุดใหญ่ของฟูแล่มได้ในฤดูกาลนี้ จากการลงเป็นตัวสำรองในเกม คาราบาว คัพ กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา “เบน เดวิส ดาวรุ่งชาวสิงคโปร์ลงเล่นทีมชุดใหญ่ของฟูแล่มครั้งแรกในศึกคาราบาว คัพ” นี่คือพาดหัวข่าวของสำนักข่าวของสิงคโปร์อย่าง The Monitor SG อย่างไรก็ตามปัญหาคือ เดวิส ยังไม่ได้เล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ของสิงคโปร์เลย มีเพียงทีมชุดยู 16 และยู 19 เท่านั้นที่เคยผ่านมา ดังนั้นสำนักข่าวเจ้าเดิมจึงเสริมปิดท้ายว่า น่าเสียดายที่เขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อทีมชาติสิงคโปร์ที่จะลงเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่จะพบกับ เยเมน และ ปาเลสไตน์ “พอได้ทุนจากทีม ฟูแล่ม มันก็ทำให้อะไรง่ายขึ้นหน่อย ยิ่งเมื่อได้เป็นนักเตะอาชีพ ตอนนี้ผมเดินทางแค่ 10 นาทีก็ถึงสนามซ้อมแล้ว อย่างไรก็ตามการอยู่ห่างเพื่อนและครอบครัวก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ เรื่องหนึ่งเหมือนกัน” ราวกับการโยนหินถามทางไปก่อน
ทว่าหินก้อนนั้นก็ถามผิดทาง เพราะหลังจากลงเล่นนัดแรกให้ฟูแล่มได้ไม่ถึง 2 เดือน เบน เดวิส ก็ถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุดยู 23 ที่จะลุยศึกซีเกมส์ 2019 … นั่นสร้างความช็อคให้กับแฟนบอลสิงคโปร์เป็นอย่างมาก และกลายเป็นดราม่าของชาวสิงคโปร์ว่าทำไม เบน เดวิส จึงไม่เลือกทัพเมอร์ไลอ้อนส์ก่อนการเล่นให้ทักช้างศึก? เบน เดวิส เป็นนักเตะที่สามารถเลือกได้ 3 สัญชาติทั้ง เวลส์ ที่เป็นเชื้อสายที่มาจากพ่อ, ไทย เชื้อสายที่มาจากแม่ รวมถึง สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ เดวิส ย้ายไปอยู่และเติบโต และการไต่เต้าบนเส้นทางลูกหนังกับฟูแล่ม ทำให้เขาเข้าใกล้การมีสิทธิ์ที่จะเล่นให้ อังกฤษ อีกด้วย เดวิส นั้นเกิดที่จังหวัดภูเก็ต และไปเติบโตที่สิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2005 ตอนนั้นเขาอายุได้ 5 ขวบ จนได้สัญชาติสิงคโปร์ในปี 2009 และเมื่อเข้าเรียนระดับประถมปลาย เดวิส ได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนกีฬาสิงคโปร์ (Singapore Sports School) เป็นช่วงสั้นๆ 2 ปี สาเหตุที่เขาต้องย้ายมาที่สิงคโปร์ ส่วนหนึ่งก็เพราะ คุณพ่อของเขาเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอลชื่อ JSSL Singapore ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสโมสร ฟูแล่ม ของอังกฤษ และสโมสร แทมปิเนส โรเวอร์ส ในศึก สิงคโปร์ พรีเมียร์ ลีก โดยเมื่อปี 2016 เดวิส ได้รับทุนการศึกษาจาก ฟูแล่ม เพื่อให้ไปเรียนและฝึกฝนกับทีมเป็นเวลา 2 ปี ตัวของ เดวิส นั้นมีความฝันจะเป็นนักเตะอาชีพอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเป็นเด็กที่ตั้งใจมากๆ ตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนกีฬาที่สิงคโปร์ แตกต่างกับเยาวชนในประเทศส่วนใหญ่ๆ ที่มักจะถูกผลักดันให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการมากกว่า “ตอนผมเรียนที่สิงคโปร์ ผมรู้ว่าผมมีงานต้องทำอีกมาก ผมต้องซ้อมให้หนักและทำให้ตัวเองก้าวข้ามขีดจำกัดให้ได้ ผมเองต้องเดินทางวันละ 3 ชั่วโมงเพื่อไปซ้อมฟุตบอล ผมทำแบบนั้นทุกวันแม้กระทั่งช่วงที่มีสอบ” เดวิส กล่าวกับ Goal สิงคโปร์ “อย่างไรก็ตามที่สิงคโปร์น่ะ แน่นอนกว่าถ้าคุณมีความเก่งกาจด้านวิชาการด้วยมันจะดีกว่ามาก เพราะเรื่องการศึกษาให้สูงเพื่อมีอาชีพการงานที่มั่นคงถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ของที่นั่น (สิงคโปร์)” การได้มาอยู่ที่อังกฤษทำให้ เดวิส เข้าใกล้ความฝันของตัวเองง่ายขึ้น เพราะหลักจากเข้าระดับไฮสคูลได้ไม่นาน เขาก็ได้รับสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัดของ ฟูแล่ม หนึ่งในทีมของกรุงลอนดอน และจากนั้นก็ไต่เต้าขึ้นมาจนถึงทีมชุด ยู-18, ยู-23 และได้สัญญาอาชีพครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 17 ปีเท่านั้น
ไม่ใช่แค่ฝั่งสิงคโปร์ที่คิดไปเองเท่านั้น เดวิส มักจะให้สัมภาษณ์กับสื่อในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนนักเตะสิงคโปร์เสมอ หลายคราวที่เขาพูดถึงเรื่องอนาคต มันมักจะมีเรื่องของการติดทีมชาติ หรือวงการฟุตบอลของสิงคโปร์เป็นประจำ นั่นจึงเป็นเรื่องที่ชวนฝัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็เพรียกหากันเสมอ หลังจากที่ เดวิส ได้สัญญาอาชีพ มันยิ่งทำให้สื่อต่างๆ ของสิงคโปร์ติดตามเรื่องราวของเขามากไปอีก ข้อมูลของ เดวิส ใน Google ถือว่ามีจำนวนมากโขหากเทียบกับนักเตะดาวรุ่งของทีมระดับกลางค่อนล่างของพรีเมียร์ลีกหลายๆ คน เหตุผลก็เพราะการที่เขาได้เป็นนักเตะอาชีพนั้นมันคือเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่คอกีฬาในสิงคโปร์เฝ้ารอ พวกเขาต้องการใครสักคนเข้ามาสร้างอิมแพ็คให้กับเด็กๆ ในประเทศ เหมือนกับที่ครั้งหนึ่ง ฟานดี้ อาหมัด เคยไปเล่นให้กับทีมในลีกดัตช์อย่าง โกรนิงเก้น เมื่อหลายปีที่แล้ว “อย่างแรกเลยเมื่อได้สัญญาจากฟูแล่ม สิ่งที่ผมคิดคือภูมิใจมากที่ทำมันได้ ผมหวังว่าความสำเร็จก้าวแรกของผมจะเป็นแรงกระตุ้นให้นักเตะสิงคโปร์รุ่นหลังๆ พยายามฝึกซ้อมให้หนักมากกว่าที่เคยเป็น และเชื่อมั่นในตัวเองว่าแม้จะเป็นชาวสิงคโปร์ แต่ถ้ามุ่งมั่นมากพอก็สามารถเล่นในพรีเมียร์ลีกและเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้” เดวิส กล่าว ช่วงที่เล่นอยู่กับทีมชุดยู-23 ของ ฟูแล่ม … เดวิส เคยถูก สิงคโปร์ เรียกติดทีมชาติชุดใหญ่มาแล้วในช่วงโปรแกรม เอเชียนคัพ 2019 รอบคัดเลือกกับ มัลดีฟส์ และ ไต้หวัน ในเดือนมีนาคมปี 2018 อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ถูกส่งลงสนาม นั่นจึงทำให้เขายังมีสิทธิ์จะเลือกเล่นให้เวลส์, ไทย รวมถึงอังกฤษ ได้ในอนาคต “ตอนถูกเรียกตัวติดทีมชาติ ผมตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้เป็นตัวแทนของชาติและได้สวมเสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ของสิงคโปร์บนหน้าอก ผมรู้สึกจริงๆ ว่าผมสามารถช่วยให้ฟุตบอลสิงคโปร์ดีขึ้น และเป็นทีมระดับมหาอำนาจในอาเซียนได้” เดวิส กล่าวยืนยันสิ่งที่ตัวเขาหวังอีกครั้ง แม้ชาวสิงคโปร์ที่จะเรียกร้องให้ทางการผ่อนผันให้ เดวิส เพราะเห็นว่าเขาอยู่บนเส้นทางการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ยังยืนยันคำเดิมว่า บุคคลที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ควรไปในนามทีมชาติสิงคโปร์ เท่านั้น โดยอ้างอิงกับกรณีของ โจเซฟ สคูลลิ่ง นักว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกในประวัติศาสตร์สิงคโปร์ ซึ่งตัวของ สคูลลิ่ง เจ้าของเหรียญทองในโอลิมปิก 2016 นั้นได้สิทธิ์พิเศษในการผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ถึงกระนั้น ตัวเขาก็ต้องมาเข้ากรมรับใช้ชาติในอนาคตอยู่ดี โดยกำหนดการนั้นถูกกำหนดไว้หลังเสร็จสิ้นภารกิจล่าเหรียญทองในโอลิมปิก 2020 ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวดำเนินไปถึงขั้นตอนไหนยังไม่มีข้อมูลออกมาที่แน่ชัด ทว่าการที่ เบน เดวิส ถูกเรียกติดทีมชาติไทยในชุดซีเกมส์นี้ ทำให้พอคาดเดาได้ว่าเขากำลังจะสละสัญชาติสิงคโปร์ตามข่าวก่อนหน้านี้ก็เป็นได้