Bclub99.com : ขึ้นชื่อว่าเป็นกระแสบนโลกโซเชียลนั้น ก็มักจะผ่านมาไว และจากไปเร็วเสมอ ต่อให้ไวรัลที่ดังแค่ไหน สุดท้ายวันหนึ่งอาจไม่มีใครพูดถึงมันอีก แต่กับ ภาพขบวนรถแห่ปริศนา ที่มีชายไทยกลุ่มคนหนึ่ง แต่งกายในชุดแข่งลิเวอร์พูล ยืนอยู่บนรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง โดยมีป้ายผ้าสีขาวติดด้านหน้า พร้อมข้อความที่ว่า “เรา คือ แชมป์ 2014” ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่อยู่เหนือกาลเวลา แม้เวลาผ่านมากว่า 5 ปี นับตั้งแต่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกมาทางอินเตอร์เนต แต่บ่อยครั้งที่ผลการแข่งขันทีม ลิเวอร์พูล ไม่เป็นใจ เรายังคงเห็นภาพๆ นี้ อยู่ในคอมเมนท์ หรือ ถูกแชร์ต่อกัน จนกลายเป็น มีม (Meme) ที่แฟนบอลหลายคน ต้องมีติดเครื่องโทรศัพท์ไว้ ความน่าสนใจอาจอยู่ตรงที่ พวกเขาเก็บตัวลึกลับ ไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนเลย และนับจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า สรุปแล้ว คนกลุ่มนี้คือใครกันแน่? และมีแรงจูงใจอะไรให้พวกเขาลุกขึ้นมาทำขบวนรถแห่ลิเวอร์พูล เจ้าแรกในเมืองไทย
เราเริ่มพยายามติดต่อสอบถาม และตามคนกลุ่มนี้ มาตั้งแต่ช่วงประมาณ เดือนเมษายน จนได้เบาะแส ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ รวมถึงคำยืนยันว่า บรรดาบุคคลที่ปรากฎในภาพจริง ยินดีให้ Main Stand เข้าไปสัมภาษณ์ นั่นทำให้เราตัดสินใจเดินทางมายังจังหวัดปัตตานี โดยได้รับความช่วยเหลือจาก คุณอ๊อฟ – ธาดาพงษ์ สำเภาศรี เจ้าหน้าที่วิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และน้องลี – ซุลกิฟลี มะสารี นักศึกษาฯ ที่อาสาขับรถยนต์พาผู้เขียน จากอำเภอเมือง มุ่งหน้าสู่ อำเภอกะพ้อ ตลอดระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงความตึงเครียด และเชื่อว่าคนในพื้นที่ คงได้แต่ภาวนาให้สันติสุขเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะคงไม่มีใคร อยากใช้ชีวิตอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ผู้เขียนได้ยินมาจากคนในพื้นที่ ทุกคนแทบจะพูดเหมือนกันหมดว่า เหตุการณ์ความไม่สงบ มักเกิดขึ้นในชนบท พื้นที่เรากำลังไปนั้น เป็นพื้นที่สีแดง มีด่านความมั่นคงถี่ยิบ คุณสามารถมองเห็นเกาะบังเกอร์ รั้วลวดหนาม และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ตรวจตราเข้มข้นกว่าในเมืองหลายเท่า พูดง่ายๆ คือ ทุกๆ 1 กิโลเมตร เราเจอด่านความมั่นคง แต่ความรู้สึกตื่นเต้นกลับมีมากกว่าความกลัว เมื่อรถยนต์ขับเข้าใกล้ที่นัดหมาย เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า แหล่งข่าวที่เราไม่เคยเจอหน้าและรู้จักเป็นการส่วนตัวกลุ่มนี้ จะสะดวกใจคุยกับเรามากแค่ไหน และพวกเขาจะใช่ตัวจริงที่เราตามหาหรือไม่ ในหัวผู้เขียนเต็มไปด้วยคำถามมากมายจริงๆ “พวกเราก็ตื่นเต้นเช่นกัน ที่คุณมาหาเรา” เสียงจากชายร่างรูปสูงใหญ่คนหนึ่ง สวมชุดแข่งลิเวอร์พูล ศีรษะโล้น บอกกับผู้เขียน ทันทีที่เรามาถึงที่ทำการผู้ใหญ่บ้านฯ สถานที่ใช้เป็นทั้งที่ที่ประชุม และนัดรวมพลกันมาดูถ่ายทอดสดฟุตบอล ใช้เวลามองไม่นานจากประโยคเปิดคำทักทาย เราก็จำได้ว่า ชายคนนี้ คือ คนที่แต่งตัวเป็น มามาดู ซาโก เหลือบไปอีกนิด เราเห็นผู้ชายเสื้อขาวนุ่งโสร่งท่าทางเหมือนกับคนขับรถแห่ในภาพนั้น นั่นทำให้ผู้เขียนตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกำลังจะสนทนากับ กลุ่มบุคคลในตำนานตัวจริง เสียงจริง ในสถานที่จริงโชเล่ และถ้วแชมป์ของแม่
“จริงๆ งานวันนั้นไม่ใช่การจัดขึ้นเพื่อแห่ฉลองลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ แต่เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งในขบวนแห่งานกีฬาภายในหมู่บ้าน ที่แต่ละปีจะคิดธีมแตกต่างกันไป” แบแม – อับดุลเราะห์มาน เจะเด็ง ชายผู้แต่งกายเลียนแบบ มามาดู ซาโก กล่าวเริ่มกับเรา
“โชเล่คันนี้ (คำที่คนท้องถิ่นเรียกรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง) เป็นรถของผมเอง ผมประกอบอาชีพเลี้ยงวัว ก็ใช้รถขนของทำงานเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป ที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ทำสวนยาง ทำนา พอพี่ๆ เขามาชวนไปทำรถแห่ลิเวอร์พูล ผมก็โอเค เอาด้วย” มะอัซฮา ดิง โชเฟอร์ขับรถที่บอกกับเราว่า เขาแต่งตัวเป็น เบรนแดน รอดเจอร์ส ผู้จัดการทีมหงส์แดง (ณ เวลาดังกล่าว) ในวันนั้น กล่าว
ภาพรถแห่ลิเวอร์พูล ที่ถูกถ่ายโดยสาวกปีศาจแดง กลายเป็น มีมสุดฮาในโลกออนไลน์ ส่วนหนึ่งเพราะช่วงเวลาที่ภาพนี้เริ่มเผยแพร่ เป็นช่วงที่ลิเวอร์พูล พลาดแชมป์อย่างน่าเสียดาย นั่นทำให้ทุกครั้งที่ ลิเวอร์พูล แพ้ หรือพลาดแชมป์ มีมรถแห่นี้ จะถูกนำมาแชร์ต่อกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ความรู้สึกลึกๆ ของพวกเขา ที่ถูกนำเอาภาพขบวนแห่กีฬาในหมู่บ้าน มาล้อเป็นภาพตลก ขบขับ นานหลายปี เป็นอย่างไรบ้าง? รถแห่ในตำนาน และความรักที่ไม่มีตาย
“เราทุกคนในภาพไม่เคยโกรธเลยนะ ที่มีคนเอาภาพเราไปส่งต่อกัน เราดีใจเสียอีกที่มีคนชอบ เพราะเราทำกันด้วยความสนุก ไม่ได้หวังเด่นดังอะไร ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ”
“ถามว่าถ้าเราได้แชมป์ลีก เราจะกลับมาแห่อีกครั้งไหม ก็คงไม่! เพราะความรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว ฟีลแบบนั้นเกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว แต่เราดีใจมากนะที่หลังจากนั้น มีคนแห่ถ้วยแชมป์ตามเราทั่วประเทศ” แบแม อับดุลเราะห์มาน
พวกเขาอาจไม่ได้มีเงินซื้อเสื้อแข่งถูกลิขสิทธิ์ หรือสามารถบินไปดูถึงขอบสนาม พวกเขาอาจทำหน้าที่แฟนคลับได้ดีที่สุด คือ การติดตามทีมรักผ่านหน้าจอทีวีทุกนัดเท่านั้น แต่เขาก็ยังคงทำเช่นนั้น เสมอมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานสักแค่ไหนก็ตาม
“ผมเชียร์ทีมนี้มามากกว่า 40 ปี ลิเวอร์พูลสำหรับผม มันเกินคำว่ารักไปแล้วครับ” แบมะ – หมะ แนหะ ชายวัย 70 ปี ที่แต่งตัวเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง ทิ้งท้ายกับเราด้วยประโยคนี้