ระเบิดตาข่าย ! ผ่า 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล บุกถล่ม เกงค์

bbet99 – ในที่สุด เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน สามารถกระตุ้นนักเตะลิเวอร์พูล ให้ทำผลงานได้ดีเยี่ยมในแมตช์เยือนในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ด้วยการบุกชนะ เกงค์ 4-1 ซึ่งต่างจากซีซั่นที่แล้วที่ “หงส์แดง” แพ้เกมเยือนในรอบแบ่งกลุ่มเรียบวุธมตช์นี้ในช่วงต้นเกมแม้ทีมจะได้ประตูขึ้นนำเร็วจาก อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แต่ “หงส์แดง” ก็มีอาการเป๋ไปเป๋มาเพราะแนวรับมีปัญหากับการจัดการกับผู้เล่นความเร็วสูงของเจ้าบ้าน อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เล่นได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้จัด และกด เกงค์ จนอยู่หมัด

กระนั้นสิ่งหนึ่งที่จะอดตำหนิไม่ได้ก็คือเกมรับ เพราะแมตช์ “เดอะ เร้ดส์” มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะเก็บคลีนชีต แต่จากความผิดพลาดของ เดยัน ลอฟเรน ที่เสียสมาธิ นำไปสู่ประตูตีไข่แตกของเจ้าบ้าน แต่ส่วนที่ต้องชมก็คือ แชมเบอร์เลน กับ 3 ทหารเสือ “หินเหล็กไฟ” ที่เล่นได้อย่างสุดยอดเกินห้ามใจจริงๆ

ยังจำกันได้ว่า อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ต้องเข้าไปรักษาร่างกายนานจากอาการบาดเจ็บหัวเข่า ในแมตช์ที่ช่วยต้นสังกัดปะทะกับ “หมาป่าเหลืองแดง” โรม่า ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้เขาต้องพลาดโอกาสลงเล่นเกมสำคัญในรอบชิงถ้วยใบโต ิ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

หลังจากฟื้นร่างกายได้สำเร็จในช่วงเวลานั้น “หงส์แดง” มีขุมกำลังเพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่าโอกาสที่จะได้ลงสนามค่อนข้างจะยากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าในเวลานั้นเกิดคำถามมากมายว่าเขาจะได้รับโอกาสสวมเครื่องแบบสีแดงเพลิงอีกต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังเชื่อมั่นในฝีเท้าของ แชมเบอร์เลน โดยหลังจากที่ อดีตดาวเตะ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ฟิตสมบูรณ์แล้ว นายใหญ่ชาวเยอรมัน ถึงขนาดยิ้มฟันขาวพร้อมระบุการที่นักเตะหายเจ็บแบบเด็ดขาดเหมือนกับสโมสรได้เซ็นสัญญานักเตะใหม่สำหรับการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ผลงานตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2019/20 แชมเบอร์เลน ค่อยแสดงให้เห็นฟอร์มการเล่นที่เคยโดดเด่นอีกครั้ง โดยเฉพาะในเกม “แดงเดือด” เจ้าตัวทำผลงานได้ดีเยี่ยมหลังจากลงเล่นเป็นตัวสำรองในแมตช์บุกเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมีจังหวะช่วงท้ายเกมที่ยิงไกลบอลเฉียดเสาออกไปนิดเดียว ขณะที่ในแมตช์ล่าสุดชนะ เกงค์ นักเตะระเบิดฟอร์มโดดเด่นโดยเฉพาะจังหวะการยิงไกลที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาซึ่งนำไปสู่ 2 ประตูในเกมสำคัญนี้ สำหรับผลงานชั้นยอดนี้ถือเป็นรางวัลตอบแทนให้กับความไว้วางใจที่ คล็อปป์ มอบให้ คาดว่าในเกมต่อๆ ไป มีโอกาสสูงที่ แชมเบอร์เลน จะได้ลงเล่นตัวจริง และถือเป็นอาวุธหนักให้กับทัพ “เดอะ เร้ดส์” ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่มีเกมรับสุดแกร่งนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้ตัว เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ มาร่วมทีม โดยในเกมพรีเมียร์ลีก “เดอะ เร้ดส์” พวกเขาเสียเพียงแค่ 7 ประตูจากการลงสนาม 9 เกมลีก ถือว่ายอดเยี่ยม แต่ในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ในการลงสนามเพื่อป้องกันแชมป์ “บิ๊กเอียร์” ประจำฤดูกาลนี้ พวกเขาเสียไปแล้ว 8 ประตูจากการเล่น 2 แมตช์แรกที่พบกับ นาโปลี (แพ้) และ เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก (ชนะ) ขนาดในเกมเยือน เกงค์ ที่ดูเหมือนทีมจะเก็บคลีนชีตได้ แต่ความผิดพลาดในแนวรับช่วงท้ายเกมทำให้ทีมต้องเสียประตูไปแบบไม่น่าเสีย หากวิเคราะห์เกี่ยวกับเกมรับในแมตช์นี้ ในช่วงต้นเกม ลิเวอร์พูล โดนการเล่นบอลยาวสวนกลับทำเอาแนวรับปั่นป่วน โดยเฉพาะการจัดการกับความเร็วของ เอ็มบวาน่า ซามัตต้า กับ ปอล โอนูอาชู ที่เกือบทำประตูได้หลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่ทิ้งโอกาสทองไป

อย่างไรก็ตามในจังหวะการเสียประตู เอาเข้าจริงๆ คนที่ควรโดนตำหนิที่สุดคงหนีไม่พ้น เดยัน ลอฟเรน เพราะเห็นได้ชัดว่าเขาบังบอลและคู่แข่งจนมิด แต่การเสียสมาธิเพียงนิดเดียวนำไปสู่การถูกแย่งบอล และกลายเป็นประตูของทีมเจ้าบ้าน ต้องบอกว่าถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง เพราะหากทีมเก็บคลีนชีตได้ น่าจะทำให้ “หงส์แดง” เล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น การขาดหายไปของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อาจจะส่งผลต่อฟอร์มการเล่นในเกมรุกที่ติดๆ ขัดๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในแมตช์นี้ ซาลาห์ ได้ลงเล่นตัวจริงประสานงานกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ทำให้เกมรุกของทีมมีชีวิตชีวาขึ้นทันที

ส่วนสามประสาน “หินเหล็กไฟ” ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ ฟีร์มีโน่ เพราะเจ้าตัวแสดงให้เห็นถึงเทคนิคและลีลาสุดแพรวพราวในเกมนี้ รวมไปถึงการโชว์ฟอร์มชั้นยอดในแมตช์นี้ ทั้งการกระชากลากเลื้อยเข้าไปในพื้นที่ว่าง, การผ่านบอลที่แสนเฉียบคม, การทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีมเข้าไปในพื้นที่อันตราย และการวิ่งหลอกทำทาง ตอนนี้ต้องยอมรับว่า สตาร์ชาวบราซิเลียน ใกล้เคียงกับคำว่าหนึ่งในจอมแอสซิสต์ที่เก่งที่สุดตลอดกาล โดยเฉพาะในจังหวะที่ส่งบอลแบบไขว้ขาให้กับ มาเน่ หลุดเข้าไปยิง แต่น่าเสียดายที่ ปีกความเร็วสูงทีมชาติเซเนกัล ดันยิงไม่เข้า ไม่งั้นจังหวะนี้จะได้รับการกล่าวขวัญมากยิ่งขึ้น

กระนั้นในจังหวะที่ มาเน่ ยิงประตูที่สามให้ทีม หากมองตั้งแต่จุดเริ่มต้น ฟีร์มีโน่ มีส่วนอย่างมากในประตูนี้ เพราะเขาเป็นคนส่งบอลอย่างแม่นยำให้กับ ซาลาห์ ก่อนที่ ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ จะผ่านบอลให้ มาเน่ จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม ผลงานของ ฟาบินโญ่ ในช่วงที่ผ่านมาค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยนักเตะย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และเริ่มต้นจากการเป็นตัวสำรอง ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวกับเกมลูกหนังเมืองผู้ดี จนกลายเป็นมิดฟิลด์ตัวเลือกแรกของ คล็อปป์ อย่างต่อเนื่อง

ยิ่งในฤดูกาล 2019/20 ฟาบินโญ่ คือกองกลางเบอร์ 1 ในใจคล็อปป์ และได้รับโอกาสลงตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ โดยสิ่งที่โดดเด่นของ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ก็คือการเล่นอย่างมีระเบียบวินัยในฐานะโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ และสามารถตัดเกมคู่แข่งได้ตลอด ขณะเดียวกันในเกมนี้ ฟาบินโญ่ ยังได้อิสระในการเติมเกมบุกมากยิ่ง นอกจากนี้การเล่นร่วมกับ นาบี เกอิต้า และ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทำให้แดนกลางของ ลิเวอร์พูล ค่อนข้างเหนียวแน่น แถมทั้งสองคนยังมีโอกาสที่ขยับขึ้นเติมเกมได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเกมรับ

ทีเด็ดของ ฟาบินโญ่ ยังมีอีกเมื่อมีหลายจังหวะที่เขาวิ่งลงมาช่วยเคลียร์บอลในเกมรับ ผลงานของนักเตะถือว่ามีความสำคัญกับลิเวอร์พูลอย่างมาก นอกจากนี้การที่ อดีตแข้งโมนาโก เล่นได้ดียังช่วยทำให้ เกอิต้า และ แชมเบอร์เลน เล่นได้ดีไปด้วยเช่นกัน อลีสซง เบ็คเกอร์ ได้เกมแรกในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้

และยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญของทีมเสมอ โดยเขาช่วยทีมป้องกันจังหวะสำคัญในเกมเยือน เกงค์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สาวก “เดอะ ค็อป” รู้สึกสบายใจสุดๆ เมื่อได้เห็นเขายืนเฝ้าเสาประตู

นายด่านชาวบราซิเลียน ได้ลงเล่นตัวจริงในเกม “แดงเดือด” ที่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยในแมตช์นั้นเขาอาจจะไม่ค่อยได้โชว์ฟอร์มอะไรมากนัก เนื่องจาก ลิเวอร์พูล คุมเกมได้หมด และนานๆ จะเห็นแนวรุก “ผีแดง” จะบุกเข้ามาสร้างความปั่นป่วน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

สำหรับในเกมกับ เกงค์ บอกเลยว่า อลีสซง ได้โชว์ความสุดยอดของเขาให้ครั้ง

โดยเฉพาะในจังหวะสำคัญที่ เอ็มบวาน่า ซามัตต้า หลุดเข้าไปยิงประตู

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *