ทำไมนักสนุกเกอร์ต้องใส่เสื้อกั๊กและเสื้อเชิ้ตแขนยาว?

bclub99.com : “เครื่องแบบ”… หลายคนอาจโอเคกับการใส่ หลายคนอาจจะไม่ปลื้ม แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางสังคม เครื่องแบบถือเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติในกฎระเบียบ ส่วนจะเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกต หรือเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย อันนี้ก็สุดแท้แต่เหตุผลของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

วงการกีฬาเองก็เช่นกัน เพราะไม่ว่าจะในการแข่งขันกีฬาใดก็ตาม ก็มักจะมีกฎระเบียบที่ระบุถึงเครื่องแบบที่พวกเขาต้องสวมใส่ลงทำการแข่งขันเสมอ รวมถึงกีฬาอย่าง สนุกเกอร์ ก็ด้วยเช่นกัน แต่หากสังเกตดูก็จะพบว่า เครื่องแบบของเหล่านักสนุกเกอร์ที่ทำการแข่งขันในแมตช์ต่างๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน นั่นคือ พวกเขาจะต้องใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางกางสแล็ค รองเท้าหนัง มิเพียงเท่านั้น ยังต้องใส่เสื้อกั๊ก รวมถึงผูกหูกระต่ายด้วย และด้วยอาภรณ์สุดเนี้ยบ หลายครั้งหลายหนนักสนุกเกอร์ก็มักจะถูกแซวแบบที่คนแซวกับคนได้ยินขำ ส่วนเจ้าตัวไม่รู้อย่างไรว่า แต่งตัวเหมือนบ๋อยบ้าง เด็กรับรถบ้าง แต่เหตุใดพวกเขาถึงต้องแต่งตัวแบบจัดเต็มถึงเพียงนี้ด้วยล่ะ?

เหตุเริ่มจากจุดกำเนิด

ภาพจำของแฟนกีฬาเมื่อนึกถึงกีฬาสนุกเกอร์ในเรื่องของการแต่งกายนั้น ก็เป็นอย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้น เสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊ก หูกระต่าย ฯลฯ ทุกอย่างคือสิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่ยังจำความได้ ซึ่งหากจะหาจุดเริ่มต้นว่าเหตุใด นักกีฬาสนุกเกอร์ถึงต้องแต่งกายให้เนี้ยบถึงเพียงนี้ ก็คงต้องย้อนกลับไปถึงจุดกำเนิดของมันเลยทีเดียวก่อนอื่นเลยก็คือ สนุกเกอร์นั้นเป็นกีฬาที่ถูกพัฒนาดัดแปลงมาจากกีฬาบิลเลียดในปี 1875 ตามแนวคิดของ เซอร์ เนวิลล์ ฟรานซิส ฟิซเจอร์รัลด์ แชมเบอร์เลน นายทหารกองทัพอังกฤษที่ประจำการอยู่ในเมืองจาบาลเปอร์ ของอินเดีย (สมัยยังเป็นเขตอาณานิคม) ผู้มองว่า กติกาของบิลเลียดซึ่งพวกเขาเล่นอยู่แต่เดิมนั้นดูจะธรรมดาไป เพราะมีแค่การแทงลูกแดงกับดำเพียง 2 ลูกเท่านั้น จึงได้เพิ่มลูกสีอื่นๆ เข้าไปในเกม และปรับการคิดคะแนนให้มีความหลากหลาย ซึ่งคำว่า “สนุกเกอร์” ก็ได้รับการบัญญัติโดยเซอร์แชมเบอร์เลนนั่นเอง และอย่างที่กล่าวไปว่า กีฬาสนุกเกอร์นั้นพัฒนามาจากบิลเลียด ทำให้ค่านิยมแทบทุกอย่างจึงได้รับการสืบทอดกันมาด้วย ไม่เว้นแม้แต่เครื่องแต่งกาย เพราะกีฬาบิลเลียดที่เริ่มมีการเล่นกันมาตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 นั้น เป็นที่รู้จักในฐานะ “กีฬาสุภาพบุรุษ” เนื่องจากเป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันในหมู่เชื้อพระวงศ์และทหาร ซึ่งเครื่องแต่งกายที่สวมใส่เวลาเล่นที่โต๊ะนั้นก็คือ ชุดสุดเนี้ยบ สวมสูท ผูกไท นั่นเองด้วยประเพณีที่สืบสานกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษนี้ จึงทำให้เครื่องแต่งกายของนักสนุกเกอร์ ยังคงรักษาความเนี้ยบและเรียบร้อยกันมาถึงทุกปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม

เวลาเปลี่ยน อะไรเปลี่ยน?

ถามว่ากีฬาสนุกเกอร์รักษาธรรมเนียมการแต่งตัวอันเรียบร้อยและเนี้ยบขนาดไหน? เอาเป็นว่าเราทำการสืบค้นถึงกติกาการแข่งขันสนุกเกอร์ระดับอาชีพแล้วก็พอว่า เรื่องการแต่งตัวคือหนึ่งในกติกา ซึ่งได้บัญญัติตามที่เรากล่าวไว่ในตอนแรกอย่างชัดเจน พร้อมกับย้ำว่า จะต้องมีการรีดเสื้อผ้าให้เรียบ ขัดรองเท้าให้เงาอีกด้วย

แต่ถึงกระนั้น เครื่องแต่งกายของนักกีฬาสนุกเกอร์ก็ได้มีการปรับปรุงให้เข้ากับธรรมชาติของการแข่งขัน ตลอดจนยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเช่นกันเพราะจากในสมัยอดีตที่ผู้เล่นจัดเต็มทั้งใส่สูทผูกไท ก็ได้มีการเปลี่ยนกฎให้ผู้เล่นใส่เสื้อกั๊กและผูกหูกระต่ายแทน เนื่องจากธรรมชาติของกีฬานี้ จะต้องมีการก้มๆ เงยๆ แทงลูกอยู่เป็นประจำ เสื้อกั๊กกับหูกระต่ายจึงเป็นตัวเลือกในการสวมใส่ชุดที่เรียบร้อย แต่ไม่รุ่มร่าม และไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของชุดที่อาจจะไปรบกวนการเล่นจนต้องเสียคะแนนได้อีกด้วย นอกจากนั้น กฎเรื่องการแต่งตัว หรือ Dress Code ก็เริ่มที่จะได้รับการผ่อนคลายให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยสามารถใส่เสื้อกั๊กสีอื่นๆ ได้แล้ว เช่นเดียวกับสามารถติดโลโก้สปอนเซอร์ที่ด้านหน้าของเสื้อกั๊กได้อีกด้วย และแม้จะมีการบัญญัติกฎไว้อย่างเคร่งครัด แต่หากมีเหตุสมควร นักกีฬาก็สามารถที่จะไม่ขอแต่งเต็มยศได้เช่นกัน อย่างเช่นกรณีของ สตีเฟ่น แม็คไกวร์ ซึ่งมีปัญหาบริเวณคอ ซึ่งแพทย์ได้ทำการตรวจและรับรองให้เขาไม่ต้องผูกหูกระต่ายลงแข่งได้ อย่างไรก็ตาม ฌอน เมอร์ฟี่ แชมป์โลกสนุกเกอร์ปี 2005 ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสหภาพผู้เล่นก็ยอมรับว่า ตัวเขาเองก็พร้อมที่จะเปิดรับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม

“ส่วนตัวผมรับได้นะหากจะเปลี่ยนมาใส่เสื้อโปโล เพราะดูอย่างกีฬากอล์ฟสิ พวกเขาก็แต่งตัวแบบดูดี แถมยังสามารถดึงแบรนด์เสื้อต่างๆ มาร่วมงานกับนักกีฬา สร้างยอดขายทำให้นักกีฬาได้รับส่วนแบ่งด้วย เพราะคุณสามารถไปซื้อเสื้อที่นักกอล์ฟใส่ตามร้านขายอุปกรณ์กีฬาได้ แต่กับเรามันไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งมองอีกมุม มันก็เหมือนเราตัดจมูกตัวเองทำให้เสียมูลค่าทางการตลาดไปเช่นกัน”

ซึ่งถึงแม้เราจะได้เห็นบางรายการที่ปรับภาพลักษณ์ อนุญาตให้นักกีฬาใส่เสื้อโปโลลงแข่งได้ ถึงกระนั้น ประเพณีก็เป็นสิ่งที่ไม่ใช่จะเปลี่ยนกันง่ายๆ ด้วยเหตุนี้การสวมเสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊ก ผูกหูกระต่าย จึงยังเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการแข่งขันสนุกเกอร์ต่อไป แต่เสียงเรียกร้องแห่งการเปลี่ยนแปลงก็ลอยอยู่ท่ามกลางสายลม เหลือเพียงแค่ว่า เสียงดังกล่าวจะดังเพียงพอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *