Bclub99.com : เรื่องเป็นแชมป์อาจจะยังไม่กล้าเชื่อมั่นหรือประกาศตัวมากนักเพราะแม้จะนำห่าง 8 คะแนนแต่ฤดูกาลยังเหลืออีกยาวไกล ทว่า ณ เวลานี้ความรู้สึกที่ว่าเราจะมีฤดูกาลที่น่าตื่นเต้นมากๆ รออยู่ในอีก 7 เดือนข้างหน้านั้นต่างหากครับที่.. ล้ำค่าไม่มีความไม่มั่นใจแฝงแทรกอยู่เลยสำหรับเรื่องลุ้นแชมป์ มันจะเป็นฤดูกาลที่สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ เชียร์กันมันสะเด็ดเหมือนซีซั่นก่อนแน่นอน และยิ่งถ้าพิจารณาว่าฤดูกาลก่อนบทสรุปคือได้แค่รองแชมป์ ฤดูกาลนี้ก็มีแต่เจ๊ากับเจี๊ยะ คือไม่เท่าเดิมก็ดีกว่าเดิม ไม่เท่าทุนก็กำไร เท่าทุนคือได้ที่สองอีกปี แต่กำไรคือเป็นแชมป์ลีกที่รอคอยมา 3 ทศวรรษ สถานการณ์ของสิ่งต่างๆ รอบตัวเรามันบอกอย่างนั้น ความรู้สึกนี้มีคุณค่านะครับ ลองคิดทบทวนกันดูก็จะยิ่งพบว่ามันมีคุณค่ามาก เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรอกกับการที่เตะไปแค่ 7-8 นัดแรกของฤดูกาลแล้วจะมองเห็นอนาคตที่สนุกสนานรออยู่เบื้องหน้าแบบนี้ ความรู้สึกนี้มีคุณค่านะครับ ลองคิดทบทวนกันดูก็จะยิ่งพบว่ามันมีคุณค่ามาก เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรอกกับการที่เตะไปแค่ 7-8 นัดแรกของฤดูกาลแล้วจะมองเห็นอนาคตที่สนุกสนานรออยู่เบื้องหน้าแบบนี้
การเห็นทีมรักลุ้นแชมป์นัดต่อนัด เกมต่อเกม คือความสนุกสนาน เป็นความหฤหรรษ์ที่ทรงคุณค่า เราคงยังไม่ลืมช่วงเวลา 2-3 เดือนสุดท้ายของฤดูกาลก่อนว่ามันเข้มข้นระทึกใจขนาดไหนมันคือความสุข และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ยืนยันกับเราว่าความสุขของการลุ้นแชมป์อย่างซีซั่นก่อนจะเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอนในฤดูกาลนี้ แม้จะเพิ่งผ่านเกมเตะไปแค่ 8 นัดเท่านั้นก็ตามชนะรวดทั้ง 8 นัด นำแมนฯ ซิตี้ 8 แต้ม นำอาร์เซน่อล 9 แต้ม นำเชลซี 10 แต้ม ทิ้งสเปอร์ส 13 แต้ม ทิ้งแมนฯ ยูไนเต็ด 15 แต้มจะได้แชมป์หรือเปล่าไม่รู้ แต่ได้ลุ้นแชมป์เต็มตัวไหมอันนั้นแน่นอนบวกรายละเอียดเพิ่มเติมให้ด้วยว่าลิเวอร์พูลกำไรจากซีซั่นก่อนไปแล้วอีก 4 แต้มจากชัยชนะเหนือเชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ฤดูกาลก่อนเสมอ 1-1) และพิชิตเลสเตอร์ได้ในแอนฟิลด์ (ฤดูกาลก่อนเสมอ 1-1) ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่าในเงื่อนไขของการ “ลุ้นแชมป์” นั้นไม่น่าจะมีเตะหลุด ส่วนจะ “เป็นแชมป์” หรือเปล่ารอเวลาเป็นผู้ให้คำตอบ
เหตุผลที่ทำให้ความรู้สึกนี้ยิ่งล้ำค่ายังเป็นเพราะมันอาจจะเป็นการทลายกำแพง “เซคั่นด์ซีซั่นซินโดรม” ที่ลิเวอร์พูลเคยชอกช้ำมาตลอดอีกด้วย “เซคั่นด์ซีซั่นซินโดรม” อันทุกข์ระทมไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ทีมน้องใหม่ที่สร้างเซอร์ไพรซ์ในปีแรกแล้วเผชิญหน้ากับความโหดร้ายอันแท้จริงในปีที่สองเท่านั้นหรอก หากมันเกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลในฤดูกาลหลังจากลุ้นแชมป์ด้วยเช่นกัน ฤดูกาลที่สองของลิเวอร์พูลหลังจากเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่เคยสานต่อความหวังของการลุ้นแชมป์ได้เลย ตรงกันข้าม มาตรฐานของทีมยังหล่นฮวบชนิดไม่มีกุนซือคนไหนเอาอยู่ทั้ง เชราร์ อุลลิเย่ร์ (2002/03) ราฟาเอล เบนิเตซ (2009/10) และ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (2014/15) ใน “เซคั่นด์ซีซั่นซินโดรม” ทั้ง 3 ครั้งนั้นมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน เพราะมันเกิดขึ้นในฤดูกาลที่เป็นรองแชมป์ในเงื่อนไขแตกต่างกัน ฤดูกาล 2001/02 – ลิเวอร์พูลเป็นรองแชมป์แบบไม่มีลุ้นอะไรเพราะอาร์เซน่อลนำโด่งเข้าป้ายแบบม้วนเดียวจบ